The Lofts Silom เป็นคอนโด High Rise ที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดของ Raimon Land ในคราวนี้นอกจากมีห้องแบบ Loft อย่างเดิมแล้ว ยังจัดตัวรูปแบบห้องพักอาศัยแบบอื่นๆให้มีความ “สูงพิเศษ” ทุกแบบเลย ขนาด Simplex ยังเริ่มต้นที่ 3 เมตร ทำเลที่ตั้งโครงการนับว่าเป็นขวัญใจผู้ปกครองโรงเรียนเอกชนย่านดังในย่านนี้อีกด้วย
ทำเลที่ตั้ง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
เจาะลึกตัวโครงการ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
มาดูเรื่องสภาพแวดล้อมรอบตัวโครงการกันบ้าง ตัวรูปแปลงที่ดินจะเป็นลักษณะตัวธงนะครับ ซึ่งไปขยายออกทางด้านใน ในคราวนี้เรามีการบินโดรน บนไซท์ที่ดินโครงการให้เห็นรอบๆทิศของจริงที่ความสูงประมาณ 50 เมตรด้วย มาลองดูวิวของจริงกันครับ
[1] ทิศเหนือ ที่ติดกับรั้วโครงการ จะเป็นพวกอาคารพาณิชย์และพักอาศัยสูงไม่เกิน 5 ชั้น ที่อยู่ในซอยสีลม 15 และ 17 ฝั่งนี้วิวจะค่อนข้างโล่งเคลีย
[2] ทิศตะวันออก จะเป็นส่วนชุมชนพักอาศัยทั่วไป ที่อยู่ติดกับถนนปั้น สูงเต็มที่ก็อาคาร 7 ชั้น ฝั่งนี้มองไกลๆจะเห็นตัว ดิแอดเดรสสาทร และก็ตึกมหานครด้วยนะ
[3] ทิศใต้ ส่วนที่ติดรั้วกำแพงโครงการเลย จะเป็นโชว์รูมฟอร์ดเอกสีลม ขยับไประยะกลางๆหน่อยร้อยกว่าเมตร จะเห็น The Room สาทร เยื้องๆหน่อย และก็ตัวอาคารเรียนของรร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งมีทั้งอาคารเตี้ยและสูง
[4] ตะวันตก ด้านหน้าเป็นถนนประมวญหน้าโครงการ ตรงข้ามกันเป็น อาคารวรวัฒน์ ที่สูง 22 ชั้น(ห่างออกไปประมาณ 60-70 ม.) และมองไประยะไกลหน่อย 200 จะเห็นตัวอาคาร Jewelry Trade
กลับมาอัพเดตกันอีกครั้งที่ไซท์ที่ดินหน้าโครงการกันครับ โดยภาพนี้เราจะเห็นทั้งส่วนของถนนทางเข้าตัวโครงการทางขวามือ และทางซ้ายมือเป็นส่วนของ Sale Office Gallery
Sale Office Gallery ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนประมวญข้างกัน ที่แปลงนี้ยังเป็นของเจ้าของเดิมที่เป็นวังประมวญเก่านะครับ อนาคตก็จะรื้อทิ้ง แต่คงไม่ได้สร้างอาคารสูงอะไร เพราะแนวร่นไม่ได้
ตัวป้ายชื่อโครงการใครผ่านไปมาดูเห็นเด่นชัด
เข้ามาด้านใน เราจะเห็นถึงความสูงโปร่งด้านใน เพราะว่าอย่างที่บอก ห้องพักอาศัย ของโครงการนี้ไม่ธรรมดา จัดทุกแบบแบบเป็นเพดานสูงทั้งหมด
ที่ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ Reception จะมีชื่อของโครงการติดอยู่เป็นสี Cooper และด้านหลังตกแต่งด้วยผนังหินอ่อนขนาดใหญ่เล่นลวดลายให้มาบรรจบเข้ามุมกัน
โครงการ The Lofts Silom เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น 1 อาคาร ที่ดินประมาณ 2-0-10 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 268 ยูนิต / โดยจอดรถในอาคารที่ชั้น 2-7 สามารถจอดได้ 204 คันคิดเป็น 76% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) / มีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิตที่ชั้น 10-18 / เริ่มก่อสร้างตอนเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จ Q3 ปี 2563
โดยห้องพักอาศัยของที่นี่ จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็จะได้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานที่ต่างกันด้วย ได้แก่
จากถนนประมวญด้านหน้าโครงการ เราจะเห็นรูปแปลงของที่ดินที่เป็นลักษณะของ ธง หรือ ขวาน ที่ช่วงถนนทางเข้าจะร่นจากตัวอาคารไปประมาณ 50 เมตร
Open Garden Area หรือ Playground ที่จัด Landscape พื้นที่ด้านหน้านอกอาคารเป็นพื้นที่สีเขียว พร้อมทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ ศาลานั่งเล่นพักผ่อน
ด้านข้างอาคาร ฝั่งทิศใต้ จะมีส่วนทางเข้าไปในตัวอาคารเพื่อไปจอดรถได้ที่ชั้น 2-8 และทางเลี้ยวไปยังฝั่งด้านหลังอาคาร มีส่วนของที่จอดรถ Visitor ได้
ส่วนของที่จอดรถชั้น 2-8 ด้านหน้ามี Facade อลูมิเนียมปิดผิวตกแต่ง แต่ว่าสามารถให้แสงและลมลอดผ่านได้ ขึ้นมาที่ชั้น 9 เป็นส่วนของ Facility พื้นที่สีเขียวอย่าง Residence Garden ก็ถ้าเบื่อสวนชั้นล่างก็ขึ้นมาใช้ที่ตรงนี้ได้ แต่ว่าชั้นนี้เริ่มมีห้องพักอาศัยแล้ว
จุดเด่นของโครงการนี้ อีกอย่างคือ ช่องเหล่านี้ครับ โครงการมีการเจาะช่องตัวอาคารทั้งแนวนอน และแนวตั้ง เพื่อช่วยในเรื่องลอง Ventulation Airflow ลดความร้อนสะสมในตัวอาคาร อีกทั้งยังช่วยเรื่องอากาศถ่ายเทสะดวก
โดยจุดที่เจาะช่องลมแนวขวางเอาไว้ก็จะมีโซน Hybrid, Duplex และ Penthouse ส่วนของ Simplex ไม่ต้องน้อยใจไปนะครับ ยังไงก็ยังมีช่อง Void ใจกลางอาคารเพื่อให้ในส่วนของตัวลมที่วิ่งลอดผ่านทะลุถึงกันได้ทั้งหมด / การเจาะช่องแบบนี้ ถ้าเราออกมานั่งเล่นบริเวณระเบียงห้องเรา ลมจะวิ่งผ่าน Flow อย่างสะใจแน่นอนครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 34 จะเป็นส่วนของ Main Facility อย่าง Infinity Edge Pool / Jacuzzi / Sky GYM / Sky Lounge / Sky Deck / Steam
Ground Plan ซุ้มรักษาความปลอดภัยจะอยู่ตั้งแต่ติดถนนประมวญเลยนะครับ หลังจากนั้นเป็นตัวถนนที่ปลูกต้นไม้ใหญ้โอบล้อม 2 ข้างทางเอาไว้ เข้ามาจะเจอกับ Drop Off Area และพื้นที่สีเขียวกลางแจ้งขนาดใหญ่ด้านนอก ที่เป็นที่พักผ่อนหน่อนใจ เป็นสวนที่มีศาลานั่งเล่น เป็นสนามเด็กเล่นก็ได้ ในตัวอาคารชั้นแรก จะมีตัว Lobby เพดานสูง, ห้องอ่านหนังสือ และก็โถงลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และเซอร์วิส 1 ตัว การจอดรถจะจอดภายในอาคารตั้งแต่ชั้น 2-8 นะครับ
ที่ชั้น 9 ก็เป็ส่วนชั้นพักอาศัยชั้นแรก การออกแบบให้ลิฟต์อยู่ตรงใจกลางแบบทำให้ห้องพักอาศัย โอบล้อมจะห้องพักจะได้วิวรอบด้าน ที่ชั้นนี้มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิต โดยจะเป็นแบบ Hybrid Ceiling ที่สูง 4.7 เมตร แต่จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสวนอยู่ด้านนอกฝั่งด้านหน้าอาคารด้วย โดยจะจัดเป็นสวนที่เลือกพันธุ์ไม้เป็นสมุนไพรต่างๆนาๆ มาไว้ในพื้นที่นี้
ขึ้นมาที่ชั้น 10-18 ก่อนอื่นให้เราสังเกตบริเวณช่อง X ผืนผ้าที่จะมีอยู่ 4 มุม (นั่นคือช่อง Void ที่เจาะอาคารแนวตั้งไว้) ช่วยในเรื่องของ Ventilation Airflow ทางระบายลมที่กล่าวไว้ตอนต้นครับ ในชั้นนี้จะเป็นส่วนที่มีห้องพักอาศัยเยอะที่สุดคือ 13 Unit/Floor แต่ยังเป็นรูปแบบ Hybrid Ceiling 4.7 m. โดยจะมีห้องพักอาศัยเป็น Studio และ 1 Bedroom
ชั้น 19-28 จะเปลี่ยนเป็นส่วนของห้องแบบ Simplex Ceiling Height Approx. 3 m. มีห้องพักแบบ 1 Bedroom, 2 Bedrooms มีจำนวนห้องพัก 10 Unit/Floor
ชั้น 29-32 จะเป็นห้องเพดานสูงพิเศษอย่าง Duplex ที่สูงถึง 5.6 m. โดยจะมีห้องแบบ 2 Bedrooms, 3 Bedrooms และชั้นนี้ห้องพักลดลงเหลือ 7 Unit/Floor
ชั้น 33 ยังคงเป็นห้องแบบ Duplex เหมือนกัน แต่มีห้องพักอาศัยแค่ 3 Unit/Floor เท่านั้น เพราะฝั่งด้านหน้าจะเป็นส่วนของห้องงานระบบสระว่ายน้ำที่ชั้นบนนั่นเอง
ชั้น 34 เป็นชั้น Highlight Facility เริ่มจากในตัวอาคารก่อนประกอบไปด้วย Sky GYM แบบ Double Height Ceiling / Steam room / Sky Lounge / SkyDeck / Children’s Pool / Jacuzzi และสุดท้าย Infinity Edge Pool ที่ชม City View มีความยาวถึง 25 เมตร
ชั้น 35-36 จะเป็นส่วนห้องพักพิเศษที่เรียกว่า Duplex Penthouse ที่มีความสูงถึง 5 เมตรครับ มีจำนวน 4 Unit/Floor
และห้องพักอาศัยชั้นสุดท้ายอยู่ที่ชั้น 37 เป็นห้องขนาดพิเศษที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ แบบ P3A เป็น Penthouse ที่มีราคาสูงสุดด้วยเช่นกัน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปชม คือแบบ L1A : 1 Bedroom High Ceiling Hybrid(Loft) เพดานสูง 4.70 เมตร ขนาด 34 ตร.ม. | โดยฟังก์ชันชั้นล่าง เปิดเข้ามาจะเจอกับห้องน้ำก่อน แล่วค่อยขยายพื้นที่ออกไปเป็นส่วนรับประทานอาหาร ครัวเปิด พื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกัน ความพิเศษของห้องนี้คือความสูงโปร่งของฝ้าเพดานที่สูง 4.7 เมตร ที่ห้องรับแขก และด้านนอกมีทางออกไประเบียง(มีโซนเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์แยกไว้) ที่ชั้นบนเป็นส่วนของห้องนอน พร้อมพื้นที่ด้านข้างทำเป็นมุมโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้า (ข้อเสียอีกอย่างคือถ้ากลางคืนอยากเข้าห้องน้ำต้องขึ้นลงบันไดทุกครั้ง)
หน้าตาของชุดบานประตูที่ได้ เป็นบานไม้โทนสีอ่อน , Digital Door Lock ที่โครงการให้เป็นมาตรฐานทุกห้อง ยี่ห้อ igloohome
ส่วนของพื้นในห้องที่เริ่มจากเป็นกระเบื้อง ลายไม้ โทนสีสว่าง / ห้องนี้จะแต่งตามแบบ PRIME ที่เราดูวัสดุไปก่อนหน้านี้เป็นส่วนของห้องแบบ Hybrid Ceiling ที่เน้นความสดใส สว่าง โดยเน้นความรู้สึกที่ดูเบา สบาย ด้วยวัสดุที่ใช้เป็นไม้และอิฐ เน้นโทนสีขาวแลดูสว่าง สะอาด และสบายตา
เข้ามาเราจะเห็นส่วนของทางเดินตรงหน้า ตรงนี้ความสูง 2.3 เมตร และซ้ายมือเป็นส่วนของประตูทางเข้าห้องน้ำ
ในพื้นที่ห้องน้ำ ความสูงเสมอกับระดับในห้อง แต่วัสดุปูพื้นยังคงเป็นกระเบื้องลายไม้สีอ่อนแบบเดียวกัน ทำให้การใช้งานทำความสะอาดง่าย ทนต่อการเปียก และได้สัมผัสการเดินเข้าออกแบบต่อเนื่องไม่สะดุด / ภายในห้องน้ำแยกเป็นโซนส่วนแห้งและเปียก
ผนังซ้ายมือมีการติดกระจกเงาแผ่นใหญ่เต็มบาน พร้อมซ่อนไฟหลือบเอาไว้ให้เลย
ด้านหลังของกระจก บานเหนืออ่างล้างมือ สามารถเปิดออกทำเป็นชั้นเก็บของใช้ต่างๆเอาไว้ให้แล้ว
วัสดุในห้องน้ำต่างทั้งหมด จะได้เป็นของ KASCH ทั้งชุดอ่าง ก๊อกน้ำ (มีตู้ใตอ่างให้ด้วย)
ถัดไปเป็นพื้นที่แยกส่วนเปียก สำหรับอาบน้ำ โดยจะได้กระจกนิรภัยเป็นฉากกั้น พื้นที่อาบน้ำกำลังดีขนาด 0.9 x 1.25 เมตร
หน้าตาของชุดฝักบัวและ Rain Shower / ที่ผนังด้านหลังมีการเจาะรูเซาะร่องเอาไว้ให้สำหรับเป็นชั้นวางของ
ออกมาสู่พื้นที่ใจกลางห้องกัน เราจะเห็นโซนรับประทานอาหาร ครัวเปิด และพื้นที่นั่งเล่นอยู่เชื่อมต่อกันแบบนี้ พื้นที่ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานจะขยายจาก 2.3 เมตร กลายเป็น 4.7 เมตรเลย
โซนรับประทานอาหารจัดเอาโต๊ะแบบ 2-3 ที่นั่งมาเข้ามุมทางขวามือแบบนี้ สามารถหาเชลฟ์วางของ โคมไฟ มาช่วยตกแต่งมุมนี้ให้ดูน่านั่งขึ้นก็ได้
หันไปมองทางซ้าย จะเป็นส่วนของของครัวเปิด ที่ได้การ Built-In ตู้แบบนี้ทั้งหมดเลยนะครับ เป็น Pantry ตัว L เข้ามุม สิ่งที่ไม่ได้อย่างเดียวในนี้คือ ตู้เย็นนั่นเอง
ลองเปิดหน้าบานตู้ให้ดู ด้านในสามารถจัดเก็บของเป็นชั้นได้เยอะทีเดียว
ส่วนของท็อปครัว และผนังด้านข้างจะเป็นวัสดุแบบเดียวกัน คือ GEOLUXE รุ่น Eramo ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ SCG ที่แทบไม่เห็นรอยต่อเลย ที่ได้แรงบันดาลใจจากหินธรรมชาติของแคนาดา
หน้าตาของ Sink แบบหลุมสแตนเลสดูดี แต่ขนาดเล็กหน่อย
ชุด Hob&Hood ที่ได้แบบแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว ของ SMEG
ที่ชุดตู้ด้านล่าง ติดกับตู้เย็นจะมีหน้าบานปิดเอาไว้ ซึ่งพอเปิดออกดูพบว่าเค้าทำเป็นที่ปิดเครื่องซักผ้าไว้เลย แสดงว่าตัว Pantry นี้ต้องมีความลึกระดับนึงเลย เพราะปกติที่เราเห็นหลายๆห้องตัวอย่าง เครื่องซักผ้าจะล้นๆปริ่มออกมาดูเกะกะตา
ต่อเนื่องมาจากครัว จะเป็นพื้นที่เล็กๆใต้บันได ซึ่งไม่ได้เป็นตำแหน่งวางทีวีนะครับ เพราะอยู่เยื้องกับโซฟามากเกินไป
มาดูส่วนของ Living Area ชัดๆ หน้าต่างช่องแสง หน้าต่างอลูมิเนียมสีดำบานใหญ่สูง เป็นกระจก laminated glass หรือกระจกตัดแสง สามารถป้องกันความร้อนและเสียงจากภายนอกได้ ด้วยขนาดและความสูงของกระจกจึงรับแสงได้ดี ตอนกลางวันแทบไม่ต้องเปิดไฟแค่เปิดม่านก็สว่างทั่วห้อง
ทางขวามือเป็นพื้นที่ทางออกไปยังระเบียง พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างทีเดียวสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor หรือเป็นมุมสวนกระถางก็ดี มีตัวกันตกอีกชั้นที่ได้เป็นกระจกนิรภัยพร้อมเฟรมอลูมิเนียมดูหนาแข็งแรงอีกชั้น
ที่สุดมุมระเบียงจะเป็นส่วนของพื้นที่ห้องเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์เอาไว้ให้ แบบนี้ ซึ่งมีประตูเหล็กโปร่งปิดไว้เป็นสัดส่วน ตรงนี้ผมขอแนะนำว่า ถ้าใครอยากได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติม จ้างช่างแอร์เค้ามาติดแบบแขวนผนังไว้ด้านบนก็ได้นะครับ
นี่ครับ ลองเปิดพื้นที่วางออกให้ดู ถ้าเราย้ายมันไปไว้ด้านบนติดผนัง นี่เราจะได้พื้นใช้สอยบริเวณระเบียงมุมนี้เพิ่มขึ้นฟรีๆเลยล่ะ
ยืนจากระเบียงมองมาในห้อง เราจะเห็นส่วนของบันไดทางขึ้นไปชั้นบน ส่วนพื้นที่ห้องนอน มุมนี้สวยจริงให้ความรู้สึกสูงโปร่งเวลาอยู่ในห้อง
หน้าตาตัวบันไดที่ถูกวางชิดผนังไว้เป็นโครงเหล็ก พร้อมราวจับกันตก
ตัวพื้นเป็นไม้ประสานสำเร็จรูป ความกว้างประมาณ 90 ซม.
ขึ้นมาที่ชั้นบน ตัวโครงเหล็กกันตกทำหน้าที่ยาวต่อเนื่องมากันพื้นที่นี้ด้วยสูงราวๆ 1.1 เมตร ตัวพื้นของชั้นบนถูกเปลี่ยนไปเป็นพื้นลามิเนตลายไม้สีสว่างคล้ายๆกับกระเบื้องลายไม้ชั้นล่าง
พื้นที่ด้านบนจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางพื้นที่ โดยยังมีพื้นที่ทางเดินเหลือรอบด้านทุกฝั่ง
ทางเดินปลายเตียงเดินต่อไปยังส่วนของตู้เสื้อผ้า Built-In อีกฝั่งที่โครงการทำมาให้มาตรฐาน หน้าบานเป็นกระจกชาดำพร้อมติดตังไฟไว้ให้ด้านใน
เจาะลึกรวบยอด
ทำเล ที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนประมวญ(ระหว่างถนนสีลมกับถนนสาทร) จะอยู่มาทางแยก สีลม-นราธิวาส ลงมาถึงโซนบางรักโดยริมถนนทั้งสองฝั่งบริเวณนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น Office Building, โรงแรม 3-5 ดาว, อาคารพาณิชย์ อาคารพักอาศัย และมีแหล่งชอปปิ้งเล็กๆน้อยๆ อย่าง Silom Villege, Silom Plaza และ Villa Market แต่จะไม่คึกคักและหนาแน่นมากเท่ากับโซนสีลมไปทางศาลาแดง จุดด้อยของถนนประมวญนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของวันเวย์ถึงแม้จะเฉพาะเวลาเข้า-เลิกเรียน และมีจำนวนปริมาณรถรับส่งผ่านเข้ามามหาศาลเพราะโรงเรียนดัง 2 แห่ง แต่กลับกันถ้าใครเป็นนั้นต้องการอยู่อาศัยใกล้ร.ร.กับลูกตัดปัญหาเรื่องเวลาจะรับส่งที่เสียไปต่อวันจะทำให้กลายเป็นจุดดีพลิกไปในตัวได้เลย หรือถ้าใครถ้างานในพื้นที่ใกล้ๆอาทิเช่นโรงแรมย่านนี้ ตึกเอ็มไพรส์ฯ สาทรสแควร์ แล้ววนลูปกลับมาที่เส้นสีลมก็ถือว่าดีเช่นกัน อีกทั้งระยะการเดินไปใช้รถไฟฟ้าเพียง 430 เมตร เลยถือว่าโครงการนี้เป็นทำเลเฉพาะตัวสูงที่คาดว่ามีกลุ่มคนไม่น้อยที่น่าจะสนใจอยู่เหมือนกัน
การเดินทางโดยใช้รถ ถนนหนทางที่สีลม – สาทร จะมีลักษณะเป็นเหมือนตารางที่มีทางเชื่อมต่อหากันได้ เส้นทางลัดเลาะพวกนี้จะช่วยในการหลีกหนีรถติดได้ระดับนึง อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช(ตรงสุรวงศ์) หรือไม่ก็ไปทางด่วนพระราม 4(แยกคลองเตย)ได้อีกด้วย โครงการนี้อยู่ในทำเลธุรกิจหลักของกรุงเทพเลยก็ว่าได้ถูกขนาบด้วยถนนสายสำคัญถึง 2 เส้น อย่างถนน สีลมและสาทร ถึงแม้ตัวโครงการจะไม่ได้อยู่ติดถนนสายหลักแต่ตำแหน่งที่ตั้งก็อยู่เกือบปากซอยถนนสีลมไม่ถึงร้อยเมตร และห่างจาก BTS สุรศักดิ์ แค่ 430 เมตร เดินได้สบายๆ แต่ทำเลนี้ก็แลกมาด้วยการจราจรที่ติดขัดอย่างมากเพราะดันอยู่ใกล้กับสถานศึกษาชื่อดัง 2 แห่ง (ใกล้แบบระยะประชิดเลยครับ) อย่างอัสสัมชัญคอนเวนต์สีลม และ กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยทำให้ช่วงเวลาเปิดเทอมถนนในบริเวณจะเป็นอัมพาตกันบ่อยครั้ง แต่ถ้าใครที่คิดอยากอยู่กับลูกใกล้ๆโรงเรียนโดยตัดเรื่องเวลาเดินทางรับส่งออกไปนั้นจะกลายเป็นจุดแข็งของทำเลโครงการนี้ไปทันที
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในย่านนี้เป็นที่นิยมมากกว่ารถยนต์ส่วนตัวแน่นอน ซึ่งสามารถเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัดได้ดีทีเดียว ย่านสีลม-สาทร มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนวิ่งผ่าน ถึง 3 สถานีได้แก่ สุรศักดิ์ ช่องนนทรี และศาลาแดง(ยังเป็น Interchange กับ MRT สีลมด้วย) ส่วนของ BRT สถานีสาทรที่เกือบจะได้ยกเลิกไปแล้ว ปัจจุบันได้เดินหน้าต่อหลังจากเสียงโหวตจากประชาชน ที่ยังใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง ช่วยในเรื่องความสะดวกในการเดินทางเข้าสู่สาทรมาทำงาน และสุดท้ายบริเวณท่าเรือสาทร ก็เชื่อมต่อกับ BTS สายสีเขียวสถานีตากสินอีก แต่ถ้าเราดูจากในแผนที่ผมลองวัดด้วย Google Maps แล้วระยะทางเดินไปอยู่ที่ประมาณ 430 เมตร (สถานีสุรศักดิ์) ถือว่าเดินได้สบายครับ
วัสดุ ของที่นี่ถือว่าให้มาเกรดธรรมดานะครับ เมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย ซึ่งพวกพื้น ผนัง ท๊อปต่างๆจะเน้นไปที่กระเบื้องลายหิน ลายไม้ ตัวพื้นห้องนอนยังมีส่วนของลามิเนตอยู่ด้วย(แต่งานของห้องตัวอย่างเนี๊ยบมากๆขอชมเลย) ซึ่งของพวกนี้ทำความเข้าใจว่าเราสามารถเปลี่ยนหรือเพิ่มมันเองได้ในอนาคต แต่โครงการให้สิ่งที่มีราคาสูงมาในตัวเองอยู่แล้วนั่นคือ Space ของความสูงโปร่ง หรือ ปริมาตรนั่นเองที่ทำยังไงเราก็ไม่สามารถเพิ่มได้ในห้อง ความคุ้มค่าของห้องเลยอยู่ที่พื้นที่มากกว่าครับ
การออกแบบ แบบของโครงการนี้ ภายนอกหน้าตาดูเป็นแบบ Modern ร่วมสมัย แต่ฝังความเป็น Loft ด้วยวัสดุการตกแต่งที่ยังคงความเนี๊ยบของ Raimon Land เช่นเคย ที่นี่ถือว่ายูนิตไม่เยอะนะ เน้นให้มีห้องพักอาศัยล้อมรอบตัวลิฟต์ใจกลางอาคาร ที่สำคัญมีการออกแบบตัวอาคารให้มีเรื่องของ Ventilation Airflow ช่วยในเรื่องของทางเดินลมภายในอาคารและได้ในระเบียงห้องพักอาศัยด้วย / ตัวแบบห้องนั้นเน้นไปที่การอยู่อาศัยจริง มีพื้นที่เริ่มต้นเยอะหน่อย โดยคอนเซปท์อยากให้เป็นบ้านหลังที่สองที่อยู่ได้โดยไม่อึดอัด และมีตัวเลือกของห้องที่เป็นเพดานสูงหลายแบบ คงถูกใจคนชอบห้องเพดานสูงทีเดียว
สาธารณูปโภค เทียบกับจำนวนลูกบ้าน 268 ยูนิต ถือว่าเยอะพอสมควรนะ แต่ว่าเมื่อเราแชร์การใช้งานน้อยสิ่งที่แลกมาก็คือค่าส่วนกลางที่สูงขึ้นตามด้วย ( 90 บาท/ตร.ม.) เริ่มจากพื้นที่สีเขียวที่จัดสวนไว้ชั้นล่างและชั้น 9 ในตัวอาคารให้ความสำคัญของหน้าตา Lobby แบบเพดานสูงเช่นกัน Main Facility จะไปไว้ที่ชั้น 34 ได้แก่ Infinity Edge Pool / Jacuzzi / Sky GYM / Sky Lounge / Sky Deck / Steam ดูแล้วน่าใช้งานทุกส่วนเลย
ขอขอบคุณข้อมูล
Content Editor : Pongpon V.
Thinkofliving.com